NC Cakeverse AU: Eat Me If You Wish #13
กลิ่นหอมราวกับมีคนอบชีสเค้กทีเดียวพร้อมกันนับร้อยชิ้นที่แผ่ออกจากร่างกายของพี่คีมทำให้ผมแทบบ้า
พี่คีมพยายามใช้หลังมือปิดปาก
กลั้นเสียงร้องครางอย่างยากลำบาก แต่ความพยายามไม่สำเร็จผล
เสียงครางรื่นหูดังหลุดลอดออกมาจากปากบวมฉึ่งเพราะโดนวนเวียนตอดเลียหลายสิบนาทีเป็นระยะ
สองขาที่พาดอยู่บนบ่าของผมและร่างกายของพี่เขากระตุกหลายครั้งยิ่งทำให้ผมได้ใจ
ตวัดลิ้นละเลงบนเรือนร่างที่ร้อนผ่าวของเขาอย่างที่อยากทำมานานแสนนาน
ร่างกายของพี่คีมเหมือนถูกบรรจงสร้างมาเพื่อยั่วยวน
น้ำรักของเขาหวานหอม สะโพกและบั้นท้ายที่เคยขาวผ่องขึ้นสีเรื่อ
เต่งตึงแน่นมือจนผมนึกอยากฟาดแรงๆ
แต่ที่ทำได้มีแค่บีบขยำอย่างมันเขี้ยวและกระสันอยาก
ดวงตาพร่าเลือนไปด้วยความต้องการ ภาพการร่วมรักระหว่างเราเข้าใกล้เข้ามาทุกที
พี่คีมปลดปล่อยออกมาจนหมดในโพรงปาก
เขาตัวสั่นระริก หอบหายใจอย่างหนักหน่วง
รสชาติของชีสเค้กที่ถูกปั่นรวมกับวิปครีมเข้มข้นไหลผ่านลำคอ
ผมเลียริมฝีปากอย่างพอใจ วนเวียนกดจูบที่ซอกขาของเขาด้วยความรักใคร่
มอบรอยประทับสีหวานในสถานที่ที่แม้แต่ตัวเขาก็ไม่อาจมองเห็นได้
เขานอนแผ่อยู่บนเตียงอย่างไร้การป้องกันตัว
ปลายขาแยกออกราวกับเชื้อเชิญ ดวงตาฉ่ำน้ำเหลือบมองกันอย่างเลื่อนลอย
สติของพี่คีมคงถูกดูดไปจนหมดสิ้นตั้งแต่ที่ลิ้นของผมตวัดเลียส่วนเร้นลับ ผมยืดตัวขึ้นมองเขา
ขยับเข้าไปคลอเคลียที่ปลายจมูกและซอกคอ สติของผมเองก็เริ่มเลือนราง
คงเหลือไว้เพียงสัญชาตญาณและความต้องการที่กดฝังตัวตนเข้าไปในร่างกายของเขาอย่างแรงกล้า
ปล่อยให้พวกมันเป็นตัวชักนำการเคลื่อนไหวของร่างกายไม่ต่างจากพี่คีมที่เริ่มตอบรับกลับมาอย่างรุนแรง
ยอดอกของพี่คีมให้รสชาติเหมือนโอริโอ้ที่ผมเคยได้ลิ้มรสยามที่ยังเป็นเด็ก
ช่วงวัยก่อนที่จะเริ่มบกพร่องทางการลิ้มรส รสชาติของมันทำให้ผมหวนนึกถึงอดีต
ทั้งดูดทั้งขบกัดมันจนพี่คีมหอบสะท้าน ครางเรียกชื่อผมจนแทบฟังไม่รู้ศัพท์
สองขาถูกช้อนขึ้นมาบนข้อพับแขน ร่างกายตกอยู่ในการควบคุมของผมโดยสิ้นเชิง
ผมขยับขึ้นไปจูบเขา
ยอดอกบวมช้ำของพี่คีมถูไปกับร่างกายกันอย่างเรียกร้อง ผมที่แทบจะกลายร่างเป็นคนที่แม้แต่ตัวเองยังไม่รู้จักยิ้มจาง
มองภาพเขาที่เต็มไปด้วยความต้องการ ติดใจกับการเล้าโลมอย่างรุนแรง
ทั้งยังยกขาขึ้นเกี่ยวเอวกันไว้
ขยับร่างกายอย่างเรียกร้องทั้งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความทรมาน
“ช่วยพี่” เขาร้องขอเสียงพร่า
น้ำตาไหลนองหน้าอย่างน่าสงสารขณะที่ผมใช้สองมือขยี้ที่ยอดอกชูชัน
ริมฝีปากของเขาเผยอขึ้น ผมกดจูบอย่างรุนแรง
คำรามผ่านริมฝีปากเมื่อรับรู้ถึงอีกหนึ่งความต้องการที่รุนแรงพอกันกับความปรารถนาที่จะเป็นหนึ่งเดียวกัน
ผมอยากกินเขา
อยากจะกัดไปตามริมฝีปากบวมช้ำ
ขบเม้มไปตามซอกคอชื้นเหงื่อ ขยี้ปลายนิ้วที่ขึ้นสีเรื่อ
ใช้เขี้ยวและฟันฉีกกระชากร่างของเขาออกเป็นชิ้นๆ ขณะที่กระแทกกระทั้นเข้าไปในตัว
ทำให้เขาร้องครางด้วยความต้องการ ทำให้เขาน้ำตาไหลพรากเพราะความเจ็บปวด ยัดเขาลงคอ
เพื่อที่เราสองคนจะได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริง
ผมขบกรามขณะที่เรายังจูบกัน
ริมฝีปากของพี่คีมสั่นระริกด้วยความต้องการ ริมฝีปากของผมสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
ผมจะทำร้ายเขาไม่ได้ หากพลาดโอกาสตอนนี้ไปแล้ว
ความสุขที่เปราะบางในกำมือต้องแตกสลาย
กลายเป็นเศษเสี้ยวแห่งความเจ็บปวดที่พร้อมจะกรีดลงบนเนื้อหนังของผมแทน
แบบนั้นผมไม่เอา
แม้สมองจะสั่งการแบบนั้น
แต่ฟันของผมกลับครูดไปตามผิวเนื้อใต้ร่างอย่างเชื่องช้า
สายตาเริ่มมองเขาเป็นแค่เค้กจานโตที่ตั้งรอให้ผมกระโจนเข้าไปกัดเลีย
รสชาติหวานอมเปรี้ยวของครีมชีสติดอยู่ที่ปลายลิ้น ผมอ้าปากออก
เตรียมฝังเขี้ยวลงบนอกที่เต็มไปด้วยรอยแผล กัดกินส่วนที่ใครสักคนได้สัมผัสก่อนกัน
“เสือ พี่เจ็บ” เขาครางเสียงเบา ผมชะงัก ก่อนจะหันมาฝังเขี้ยวลงบนไหล่ตัวเองอย่างแรง ฉีกกระชากผิวเนื้อของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง
สลัดความอยากที่ไม่ควรจะมีในมนุษย์ธรรมดาออกอย่างสิ้นหวัง
ความต้องการที่จะกัดกินเขายังจางลงอย่างเชื่องช้า แตกต่างจากผิวเนื้อที่ไหล่ที่เต็มไปด้วยรอยแผลอย่างรวดเร็ว
เลือดไหลผ่านแขนและหยดกระทบร่างกายของพี่คีมอย่างแผ่วเบา
โชคดีที่เขายังคงหลับตาแน่น
เจ็บเพราะปลายนิ้วของผมกระแทกเข้าออกช่องทางด้านหลังอย่างไม่ปราณี
ผมรีบพลิกตัวพี่คีมให้นอนคว่ำ กอดเกี่ยวเขาจากด้านหลัง กดจูบลงบนหลังคอชื้นเหงื่อของเขาอย่างรักใคร่และโล่งใจ
โชคดีที่พี่คีมไม่เห็น โชคดีที่พี่คีมไม่รับรู้ ผมยังเป็นน้องเสือของเขาได้
ยังไม่ได้กลายเป็นฟอร์คบ้าเลือดที่เกือบจะคร่าชีวิตของเขาไป
ไม่เป็นไร
เราสองคนจะไม่เป็นไร พี่คีมจะรักผมเหมือนเดิม
และผมจะได้อยู่ในชีวิตของพี่เขาเหมือนเดิม
แต่ผมที่อัดแน่นไปด้วยปรารถนาไม่สามารถอ่อนโยนกับเขาได้อย่างที่ตั้งใจ
สะโพกของพี่คีมถูกยกขึ้นสูง สั่นไหวอยู่กลางอากาศตามแรงฟาดจากฝ่ามือของผม ร่างกายของเราสอดประสานด้วยท่าทางการร่วมรักที่รุนแรง
ร่างกายของพี่คีมโยกคลอนไปตามจังหวะการเร่งเร้า
หน้าขาของผมกระทบกับบั้นท้ายของพี่คีมเป็นจังหวะหยาบโลน
พี่คีมเอื้อมมือไปจับขอบหน้าต่าง
จิกนิ้วลงไปบนนั้นแน่นในขณะที่หยัดสะโพกรับแรงกระแทก เขาตัวสั่น หอบอย่างหนักหน่วง
ส่วนผมก็โอบกอดเขาไว้อย่างไม่ยอมให้เขาห่างตัว
“รัก” ผมคำรามอย่างสิ้นหวัง
กระแทกเข้าไปในร่างกายเขาอย่างไม่รู้จักพอ
แค่ห้ามตัวเองไม่ให้กัดเขายังทำได้อย่างยากลำบาก
อย่าไปหวังที่จะควบคุมความต้องการทางเพศของตัวเองเพิ่มเลย
“รักมาก” คำบอกรักที่ดังขึ้นอย่างเศร้าสลด
ตรงกันข้ามกับร่างกายที่สอดประสานกันอย่างเร่าร้อน พี่คีมร่างกระตุก
ปลดปล่อยเป็นครั้งที่สองขณะที่ถูกพลิกกลับมานอนหงาย
ดวงตาปิดแน่นอย่างไม่ต้องการเห็นแววตากันค่อยๆ ลืมขึ้น ร่างกายโยกคลอนตามแรงกระแทก
เขามองหน้าผมอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
แต่เมื่อเห็นบาดแผลบนไหล่ของผมเขาก็เหมือนจะเข้าใจอะไรได้
ผมยกมือขึ้นปิดตาเขาตอนนั้น
ไม่อยากเห็นสายตาหวาดกลัวและผิดหวัง
ต้องการเห็นเพียงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความต้องการ สีหน้าที่ทำให้ผมมีหวัง
สีหน้าที่ทำให้รู้ว่าคำบอกรักที่เขามอบให้ยังคงอยู่
พี่คีมจับมือผมแน่น
ไม่ได้ดึงออกทั้งยังกระชับให้มันปิดตาเขาอยู่ที่เดิม
ผมรับรู้ได้ในตอนนั้นว่าเขาคิดอะไร
พี่คีมกำลังกลัว
แต่ก็ยินดีที่จะปิดตาลงข้างหนึ่งเพื่อให้ภาพของผมที่ยังเป็นที่รักของเขาคงอยู่
สะกดจิตตัวเองอย่างที่ผมกำลังทำ เราสองคนจะไม่เป็นไร ผมกำลังมอบความรักให้เขาผ่านร่างกาย
เขากำลังส่งความรักกลับมา เรากำลังร่วมรักกัน ไม่ได้กระทำการที่อาจจะนำไปสู่การกัดกินกันจนตาย
ร่างกายของพี่คีมโยกคลอน
เขาปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง ส่วนผมก็ปลดปล่อยเข้าใส่ร่างกายที่ร้อนผ่าว
ภายในของพี่คีมดูดกลืนทุกหยาดหยด
ก่อนที่พวกมันจะทะลักออกมาภายนอกยามที่ผมถอนตัวออกมา
เขาหอบหายใจอยู่บนเตียง
สะโพกของพี่คีมยังคงก่ายอยู่บนตัก สองมือของเขาปิดตาตัวเองแน่น
ผมขยับมือเช็ดหยดเลือดของตัวเองบนหน้าท้องของพี่ มันผสมกับเหงื่อและน้ำรักจนกลายเป็นสีจาง
กลิ่นน้ำรักลอยคลุ้ง
ต่อสู้กับกลิ่นของหวานที่น่าหลงใหล เราสองคนปิดตาของตัวเอง
เรียบเรียงความรู้สึกมากมายที่ปะทุขึ้นมาพร้อมกัน
แล้วผมก็โน้มตัวลงดึงเขาขึ้นมากอดแนบอก
ฝังใบหน้าลงกับไหล่ของเขา ความหวังที่เด่นชัดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงกลับไปเลือนรางอีกครั้งเมื่อเขาไม่ยกมือขึ้นกอดตอบกัน
พี่คีมยังคงปิดตาของตัวเอง หายใจแผ่วเบากับไหล่
เนื้อตัวบอบช้ำเพราะการร่วมรักที่รุนแรง
“เมื่อกี้…ทำเป็นไม่เห็นได้มั้ย” เสียงของผมแหบพร่า
พี่คีมพยักหน้าลงกับไหล่และยอมเอื้อมมือมากอดกันในที่สุด ผมเม้มปากแน่น
ไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดี ผมแทบจะฝังร่างของพี่ไว้กับอก
อยากจะเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง และคราวนี้ผมจะไม่ทำมันพังอีก
เราย้ายมานอนกอดกันแน่นบนโซฟา
ทิ้งเตียงที่เละเทะไปด้วยน้ำรักของเราไว้ด้านหลัง พี่คีมเบียดตัวเข้ามาและหลับตานิ่ง
ผมนอนจ้องคนที่ซบแก้มลงมาที่อก ก่อนจะแสร้งว่าหลับสนิทเมื่อเขาเผยอเปลือกตาขึ้นมา
ผมไม่รู้ว่าพี่คีมคิดอะไรอยู่
การเดาใจเขาเคยเป็นเรื่องง่ายเสมอมากระทั่งวันนี้ ไม่สิ
ผมยังพอเดาได้ว่าเขาคิดอะไรหรือรู้สึกอย่างไร เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกไหนที่มีอิทธิพลกับพี่คีมมากที่สุด
ปลายนิ้วของเขาแตะลงมาที่บาดแผลบนไหล่ของผม
สักพักสัมผัสนั้นก็จางหายไป
ผมกระชับอ้อมกอดแน่นเมื่อรับรู้ว่าเขาพยายามจะลุกออกจากโซฟา พี่คีมหัวเราะเสียงเบา
กอดผมกลับแรงๆ “พี่แค่จะไปเข้าห้องน้ำ”
ผมยอมปล่อยตัวเขาออก
ลืมตามองแผ่นหลังและสะโพกเปลือยที่มีรอยบีบแดงเป็นปื้นของคนที่บอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ
เขาจ้องลิ้นชักที่มียาของผมใส่อยู่นิ่งหลายนาที
ผมเคลื่อนตัวไปด้านหลังเขาอย่างเงียบเชียบ กอดร่างเล็กๆ นั้นไว้แน่น
พี่คีมยกมือขึ้นลูบแขนผมที่ประสานกันอยู่ที่หน้าท้องของเขาเบาๆ
“มือเสือสั่นไม่หยุดเลย” เขาตั้งข้อสังเกต
ผมแค่นหัวเราะ ใช่ มือผมสั่นไม่หยุดหลังจากเราร่วมรักกัน
ความอยากอาหารของผมมันยังไม่หมดไป แต่ผมไม่อยากใช้ยาหรือกัดตัวเองให้เขาเห็นอีก
สายตาตอนที่โดนเขาปฏิเสธนั่นผมไม่อยากรับรู้เป็นครั้งที่สอง ตั้งใจว่าหากเขาหลับเมื่อไหร่จะรีบไปจัดการ
แต่พี่คีมเหมือนจะรู้ทัน “เดี๋ยวพี่ช่วย”
ผมสูดหายใจลึกเมื่อพี่คีมดึงหลอดยาออกมา
ก่อนจะยื่นแขนข้างหนึ่งไปข้างหน้า พี่คีมจับมันไว้ จัดการฝังเข็มเข้ามาที่เส้นเลือด
ผมกระชับเอวเขาแน่น หลับตาลงและปล่อยให้ยาได้ทำหน้าที่ของมัน
พี่คีมบีบแขนผมแน่นขึ้น
ผมนึกอยากหัวเราะออกมาดังๆ ทั้งพี่เขาทั้งผมต่างฝืนทำเป็นว่าเราไม่เป็นไร
ทั้งที่ความจริงแล้วเราโคตรจะเป้น พี่คีมยังกลัวผมที่เป็นฟอร์คอยู่
ส่วนผมก็ยังอยากกินพี่เขาที่เป็นเค้กอยู่
เราแกล้งทำเป็นไม่รับรู้ว่าความสัมพันธ์ของเรามันโคตรดันทุรัง เสี่ยงที่จะพังครืนหากไม่ระมัดระวังให้ดี
แต่เมื่อพี่คีมเอนตัวทิ้งน้ำหนักลงกับอกของผม
เส้นผมสีอ่อนกระจายอยู่ใต้จมูก ทุกความกังวลก็เหมือนจะถูกชำระล้างออกไปทันที
Comments
Post a Comment