NC Cakeverse AU: Eat Me If You Wish #15
เขาว่ากันว่า
ความทุกข์จะทำให้เรารู้ว่าความสุขมีค่าแค่ไหน ผมในตอนนี้เองก็คงจะเป็นอย่างนั้น
ผมที่รับรู้ความทุกข์และยอมทนอยู่กับมันในวันนั้น กำลังสัมผัสกับความสุขอย่างถ่องแท้ในวันนี้
ไม่ใช่แค่เพราะพี่คีมอร่อยโคตรพ่อโคตรแม่
อร่อยในแบบที่ทำให้ผมรั้งตัวเองไม่อยู่และกัดกินเขาเหมือนหมาบ้าจนพี่คีมเสียบยาลงกับแขน
อ่า ความจริงช่วงเวลาตอนนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่าจดจำเท่าไหร่
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นต่างหากที่ทำให้ผมสุขแทบบ้า
สองมือของผมวางพาดอยู่บนตัวพี่คีมอย่างไร้เรี่ยวแรง
ยาที่ผมเลือกเอามามันแรงมาก แน่นอนว่าไซด์เอฟเฟกต์มันไม่เคยทำให้ผมรู้สึกดีได้
แต่พี่คีมดันผมให้นอนลงทั้งที่เรายังกอดกัน
แถมร่างกายของเขายังมีเลือดไหลไม่หยุดจากฝีมือของผม มันเปื้อนไปเกือบทุกที่
ที่ใบหน้าของผม ที่เสื้อผ้าของเรา จากนั้นพี่คีมก็กอดผมไว้
ซุกตัวเบียดเข้ามาแล้ววางคางไว้บนอก ใช้ดวงตาสีอ่อนของเขาจ้องมาด้วยสายตาเข้าใจ
เส้นผมและแก้มนุ่มนิ่มของพี่คีมเปื้อนเลือดเมื่อผมใช้หลังมือลูบไปตามสันกราม
เขาเอียงแก้มไถไปกับหลังมือ น้ำตาคลอเบ้า
ผมรู้ดีว่าเขาต้องเจ็บมากแน่เพราะเอาจริงๆ
สติผมเลือนหายไปหลังจากได้กินสิ่งที่ปรารถนามานาน
แม้ว่าผมจะรู้สึกผิดกับเรื่องนั้นสุดหัวใจ แต่ผมกลับรู้สึกดีที่พี่คีมไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวและต่อต้านกัน
“ขาเตียงคงไม่หักแล้วล่ะ น้องเสือของพี่หมดแรงขนาดนี้แล้ว” พี่คีมว่าเสียงยานคาง ผมหัวเราะเสียงแหบพร่า
รสชาติหวานอมเปรี้ยวของครีมชีสที่ผสมอย่างกลมกล่อมกับโอริโอ้หวานจัดกระจายไปทั่วโพรงปาก
พี่คีมจะรู้สึกยังไงวะถ้าผมบอกเขาไปว่าผิวเนื้อ น้ำตา
หยาดเหงื่อและหยดเลือดของพี่เขาหวานอร่อยราวกับขนมหวานอบใหม่ราคาแพง
“กลัวหรือเปล่าครับ” ผมพึมพำ
พี่คีมนิ่งและดูโกรธขึ้นมานิดหน่อยที่ผมไปถามเขาแบบนั้น ผมอมยิ้ม
ใช้นิ้วจิ้มแก้มพี่เขาอย่างไม่เกรงกลัว พี่คีมไม่ได้โกรธผมหรอก
ผมรู้ว่าพี่เขาหงุดหงิดเพราะนึกถึงคำพูดของผู้ชายที่บอกว่าสักวันพี่คีมจะมาถามผมแบบที่ถามเขา
เหอะ
ไม่รู้ซะแล้วว่าพี่คีมไม่ลังเลด้วยซ้ำตอนที่กดปลายเข็มลงกับเนื้อของผม
นี่พี่เขาปราณีแค่ไหนแล้วที่ฉีดให้ที่แขน เกิดพี่เขากระแทกเข็มเข้าที่คอ
ผมคงตาเหลือกและตายคาอกพี่คีมแน่
พี่คีมตอนโมโหโคตรน่ากลัว
ตอนเด็กๆ พี่คีมที่โกรธจัดเคยถีบเก้าอี้อัดหน้าเด็กวัยเดียวกันด้วย
อย่าให้พี่เขาโกรธน่ะดีที่สุด
“พี่ไม่กลัวเสือ พี่กลัวฟอร์คคนอื่น แต่พี่เกลียดฟอร์คที่ว่าเสือ” พี่คีมว่าบ้าง เขายิ้มจาง มองผมด้วยสายตาสงสารผสมกับรักใคร่
ผมมองข้ามความสงสารนั้นไป รู้ดีว่าพี่คีมไม่ได้ตอบรับผมเพราะความสงสาร
เพียงแต่มันมาพร้อมความรักมากมายที่พี่เขามีให้เท่านั้น เขายันตัวขึ้น
นั่งทับเอวผมที่นอนหงาย ตอนนั้นเองที่ผมสามารถเห็นแผลของพี่คีมได้ชัดเจน
มันไม่แย่อย่างที่ผมคิดไว้
เป็นแค่รอยกัดที่ข้างแผลเป็นกับตรงซอกคอ เพียงแต่มันดูเลวร้ายเพราะเลือดไหลเยิ้มออกมาจากบาดแผล
ชุ่มทั้งปกเสื้อ ทั้งยังไหลผ่านอกมายังแผ่นท้อง ก่อนจะมาชุ่มอยู่เหนือกางเกง
ผมชะงักเมื่อพี่คีมวางมือลงบนขอบกางเกงของผม ยิ้มจางและจ้องตากันนิ่ง
ผมรู้สึกเจ็บแทน แต่พี่คีมกลับปาดมันเหมือนมันเป็นแค่เหงื่อ มือของเขาสั่นเล็กน้อย
ผมรู้ว่าพี่คีมยังไม่ได้ก้าวผ่านความกลัวได้ทั้งหมด แต่เชื่อว่าตอนนี้ก็มีฟอร์คคนหนึ่งที่เขาไม่กลัวแล้ว
“มันง่ายกว่าที่คิดเยอะเลยเสือ แค่คิดว่าเสือรักพี่มากแค่ไหน
ทุกอย่างมันก็ง่ายลงจริงๆ ความรักทำให้คนเพ้อเจ้อ พี่เองก็เพ้อหนักแล้วเหมือนกัน”
พี่คีมหัวเราะ ผมยิ้มตาม
ความรู้สึกเหมือนดิ่งลงเหวจากไซด์เอฟเฟกต์ของยาไม่ได้เลวร้ายเท่าตอนที่ผมใช้มันคนเดียวเพราะตัวตนของพี่คีม
เขาโคลงหัว เอียงคอและจ้องหน้าผมด้วยสีหน้าที่ผมอธิบายไม่ถูก ไม่เชิงว่ารู้สึกผิด
ไม่ใช่ว่าดูเศร้า แต่มันก็ไม่ใช่สุขอย่างเต็มที่ รอยยิ้มน่ารักของพี่เขาเศร้าเป็นบ้า
ผมไม่อยากให้พี่เขาเศร้าเพราะผมเลย “ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น
พี่แค่กำลังคิดว่าจะทำให้เสือมั่นใจได้ยังไงดีว่าพี่จะไม่กลัวเสืออีก”
“ไม่ต้องทำก็ได้
ถ้ากลัวเมื่อไหร่ผมจะได้ใช้โอกาสนั้นโอ๋พี่ไง” ผมว่าติดตลก
ยักคิ้วและพยายามยันตัวขึ้นมานั่งเมื่อรู้สึกค่อยยังชั่ว
แต่พี่คีมวางมือบนแผ่นท้องและดันให้ผมนอนนิ่ง ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
ก่อนจะแทบสำลักลมหายใจตัวเองเมื่อพี่คีมขยับสะโพกบดเบียดส่วนล่างของร่างกาย
“พี่เคยคิดเสมอว่าฟอร์คน่ะเป็นผู้ล่า ส่วนเค้กน่ะเป็นเหยื่อ” พี่คีมพูดช้าๆ ตีมือผมแรงๆ
เมื่อผมขยับจะไปลูบแผ่นท้องของเขาจนผมต้องหดมือกลับ “แต่ความจริงแล้วกับเสือ
พี่ว่าพี่ก็เป็นผู้ล่าได้ น้องเสือยอมพี่คีมตลอด”
“รู้มั้ยว่าถ้าล่าแบบนี้ผมน่ะได้กำไร”
ผมเค้นเสียงเมื่อพี่คีมยกตัวขึ้น
ทึ้งกางเกงของตัวเองออกและดึงกางเกงของผมลง พี่คีมโน้มตัวลงมาใกล้
ตีแก้มกันและบอกให้ผมอยู่เฉยๆ
ขณะที่ใช้เสื้อแจ็กเก็ตที่ไม่ผมก็เขาถอดทิ้งไว้ผูกข้อมือของผมไว้ที่หัวเตียง
จากนั้นก็ยืดตัวกลับไปนั่งเปลือยอยู่บนตัวผมตามเดิม
“ไม่หรอก เพราะเดี๋ยวเสือจะโดนแม่พี่ด่าที่ทำขาเตียงพี่หักทั้งที่ความจริงแล้วพี่เป็นคนทำ
แล้วจะไม่ได้กินตราบใดที่พี่ไม่ยอมด้วย แบบนี้พี่ต่างหากที่ได้กำไร
เมื่อกี้เสือได้กินพี่แล้ว คราวนี้ตาพี่กินเสือบ้าง” พี่คีมคลี่ยิ้ม
ผมได้แต่กะพริบตาปริบอย่างคาดไม่ถึง ก่อนจะเกือบอ้าปากค้างเมื่อพี่เขาเชิดหน้าขึ้น
ขยับสะโพกถูไปกับส่วนล่างที่เริ่มตื่นตัวของผมโดยที่ยังจิกนิ้วอยู่บนแผ่นท้องกันอยู่
เสียงครางของพี่คีมดังผสมกับเสียงคำรามของผม
พี่คีมเชิดหน้าขึ้น กัดปากแน่น น้ำตาไหลพรากขณะกดร่างกายมากลืนกินกัน
เขากินผมอย่างที่ปากว่า
อย่างเดียวที่ผมรู้สึกต่อต้านคือความจริงที่ว่าผมอยากแตะตัวเขาแทบบ้า กลิ่นของพี่คีมกระจายฟุ้ง
หอมหวานจนความเป็นฟอร์คของผมน้ำลายสอ ผมไม่สามารถละสายตาไปจากภาพตรงหน้าได้
จ้องพี่เขาที่ขยับขึ้นลงเร็วขึ้นทุกที
ร่างกายของพี่คีมถูกเปิดเผยให้ผมเห็นทุกสัดส่วน
ทั้งท่อนขาขาว ตัวตนที่สั่นไหวอยู่กลางอากาศ ยอดอกที่ชูชัน
และช่องทางด้านหลังที่ขยับรับร่างกายกัน เขาเริ่มเอนไปด้านหลัง จิกปลายเท้าลงกับผ้าปูที่นอน
ใช้ฝ่ามือยันไว้ด้านหลังและขยับร่างกายประสานกับร่างกายของผมอย่างรุนแรง
แม้ว่าท่อนบนของผมจะขยับไม่ได้ แต่ท่องล่างก็ขยับโต้ตอบกับพี่คีมอย่างไม่ยอมแพ้ หยดเลือดจากบาดแผลของพี่คีมเจ็บกระเด็นมาเปรอะแผ่นท้องของผมกับเขา
น้ำรักของพี่คีมกระจายอยู่ในอากาศ
เสียงเฉอะแฉะน่าอายและเสียงร่างกายที่เสียดสีกันดังก้องห้อง
เราทั้งคู่ไม่สนใจแล้วว่าเราสองคนอยู่ที่ไหน
ไม่สนใจหากพ่อแม่จะได้ยินเสียง
ยังคงจดจ่ออยู่กับปัจจุบันและพุ่งไปสู่อนาคตพร้อมกับหอบความรักที่ทะลักทลายจนล้นมือไปด้วยกัน
พี่คีมตัวสั่นระริก
เขาใช้นิ้วปาดหยดเลือดของตัวเองขณะที่ซบลงมาบนอกโดยที่ไม่ยอมหยุดขยับสะโพก
นิ้วของพี่คีมส่งเข้ามาในปาก
ตาปรือปรอยจ้องผมที่เลียเลือดและดูดข้อนิ้วของพี่เขาทีละข้อด้วยความพอใจ เหมือนว่าพี่คีมจะไม่รู้เนื้อรู้ตัวนัก
เพราะพี่เขายังคงเมามันกับการขยับสะโพกไปทั่วตัวของผม
ครางเสียงเครือเรียกชื่อกันไม่ยอมหยุดปาก
มือของผมกำแน่น
ข้อมือกระตุกหลายครั้งเมื่อผมพยายามจะกระชากเสื้อแจ็กเก็ตที่ผูกข้อมือตัวเองอยู่ให้หลุดออก
ผมคำรามเสียงพร่า “อยากกอด ขอผมกอดที”
แล้วพี่คีมก็เอื้อมมือไปกระชากเสื้อที่พันข้อมือผมไว้แน่นออกให้
และอ้าแขนรอรับผมที่เป็นฝ่ายพลิกตัวพี่เขาไว้ใต้ร่าง
กอดแน่นและร่วมรักกันอย่างยาวนานแทน
พวกเรากอดกันแน่น
ไม่สนใจว่าเลือดของพี่คีมจะเปรอะเปื้อนร่างกายเราทั้งคู่จนสภาพดูแทบไม่ได้ กลิ่นหอมหวานของชีสเค้กลอยอบอวลผสมกับกลิ่นคาวของน้ำรัก
พี่คีมหายใจแผ่วเบาอยู่ในอ้อมกอด เอ่ยย้ำซ้ำๆ อยู่กับอก
“เห็นมั้ยว่าพี่ทำได้”
ผมที่วางคางไว้บนศีรษะของพี่คีมยิ้มจาง
ความเอ็นดูผุดพรายขึ้นในใจขณะกระชับอ้อมกอด “เก่งมากครับ”
“อือ พี่รู้” ผมหลุดขำ พี่คีมโคลงหัว ขนตาเฉี่ยวอกไปมาจนจั๊กจี้ “เมื่อก่อนเสือเป็นคนเอาหน้าซุกอกพี่
ส่วนพี่เป็นคนวางคางไว้บนอกของเสือ ตอนนี้เปลี่ยนกันแล้ว”
“เมื่อก่อนผมก็กระแทกใส่พี่
วันนี้พี่ขย่มอยู่บนตัวผมแทนแล้ว” ผมว่าหน้าตาย
ได้ยินเสียงพี่คีมหัวเราะแผ่วเบา “พอเวลาผ่านไป
เราทั้งคู่คงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แน่”
พี่คีมไม่ได้ออกความเห็นอะไรกับเรื่องนั้น
แต่กลับเปลี่ยนเรื่องถามขึ้นมา “นอกจากเรื่องที่เป็นฟอร์คแล้ว
มีเรื่องอะไรที่ยังไม่ได้บอกพี่อีกหรือเปล่า”
ผมนิ่งไปและสางเส้นผมของพี่เขาช้าๆ
นึกถึงสายตาตกตะลึงและผิดหวังสุดขีดในวันนั้นของพี่คีม
หวาดกลัวกับความคิดที่ว่าเขาจะมองกันด้วยสายตาแบบนั้นอีกครั้งหากบอกทุกเรื่องที่ปกปิดไว้ออกไป
แต่พี่คีมก็เงยหน้าขึ้น จ้องตรงมาด้วยสายตาค้นหาแกมขอร้อง
แก้มของพี่เขามีร่องรอยของเลือดและน้ำตาที่แห้งกรัง
ดวงตาบวมช้ำจากการที่พี่เขาร้องไห้อย่างหนักเพราะความเสียวซ่านตอนที่ขย่มอยู่บนตัวหลายชั่วโมง
ใจของผมอ่อนยวบยาบในตอนนั้น บอกไปให้หมดในวันนี้ก็ดี
พี่คีมก็พูดอยู่ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะรัก ผมจะไม่เชื่อพี่คีมได้ลงคอเลยเหรอ
“ความจริงแล้ว ก่อนที่เราจะมีอะไรกัน ผมเคยมีอะไรกับเค้ก…คนที่มีรสชาติเหมือนชีสเค้กมาก่อน” ประกายในดวงตาของพี่คีมไหววูบ
ก่อนจะกลับมาเป็นแบบเดิมในเสี้ยววินาที “เรามีอะไรกัน
เขาอนุญาตให้ผมกินได้เท่าที่เขาไหว ผมใช้พวกเขาเป็นตัวแทนของพี่”
ผมหอมแก้มเขาอย่างเอาใจ
พี่คีมลูบไหล่ผมเบาๆ ก่อนจะจิกลงมาตรงที่เขาข่วนกันระหว่างร่วมรัก ข่วนอย่างแรงจนผมแสบ
แต่มันกลับทำให้ผมดีใจ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้มองกันด้วยสายตาโกรธเกลียด “อย่ามีอีก เสือเป็นของพี่”
ถ้าผมเป็นเค้กอย่างพี่เขา
ผมคงเป็นเค้กไอศกรีมที่โดนละลาย
เพราะตอนนี้หัวใจและสมองของผมอ่อนยวบยาบยิ่งกว่ามาร์ชเมลโล่ปิ้ง ผมอมยิ้ม ฝังจมูกลงกับแก้มของพี่คีมไม่หยุด
พยักหน้ารับคำและให้คำสัญญาด้วยความเต็มใจ
Comments
Post a Comment